สี จิ้นผิง : นักปฏิรูป

39 second read
0
0
265

ปักกิ่ง, 15 ก.ค. (ซินหัว) — ผู้นำจีน “สี จิ้นผิง” ได้ทยอยเปิดเผยมาตรการปฏิรูปชุดใหม่ ซึ่งจะกำหนดทิศทางการเติบโตของประเทศจีน ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก ขณะคณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) เริ่มต้นการประชุมนโยบาย ระยะ 4 วัน ณ กรุงปักกิ่ง ในวันจันทร์ (15 ก.ค.)

ณ พิธีเปิดการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคฯ ได้นำเสนอรายงานการปฏิบัติงาน ในนามกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ และแจกแจงร่างมติเกี่ยวกับการปฏิรูปรอบด้าน อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และการเดินหน้าการสร้างความทันสมัยของจีน

การประชุมครั้งนี้ มีความสำคัญเทียบเท่า “การประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3” ครั้งอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เช่น การประชุมในปี 1978 ที่ เติ้งเสี่ยวผิง เริ่มต้นความพยายามปฏิรูป และเปิดกว้างของจีน

ช่วงก่อนการประชุมเต็มคณะครั้งปัจจุบัน สี จิ้นผิง ได้ส่งเสริมการปฏิรูป กระตุ้นความพยายาม “ปลดปล่อยความคิดยิ่งขึ้น ปลดแอกและพัฒนาพลังการผลิตทางสังคม ปลดเปลื้องและเพิ่มพูนพลังความมีชีวิตชีวาของสังคม” เพื่อ “มอบแรงกระตุ้นอันแข็งแกร่งและหลักประกันเชิงระบบสำหรับการสร้างความทันสมัยของจีน”

สิ่งนี้สร้างความคาดหวังการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งรอบใหม่ พร้อมขจัดข้อวิตกกังวลว่าการปฏิรูปของจีนจะ “หยุดนิ่ง” หรือเศรษฐกิจของจีนจะ “สูญสิ้นพละกำลัง”

ตั้งแต่ สีจิ้นผิง เข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุด เมื่อกว่าทศวรรษก่อน จีนได้ก้าวเข้าสู่ “ยุคใหม่” โดยมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและเกียรติภูมิบนเวทีนานาชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะการปฏิรูปเป็นจุดเด่นของยุคใหม่นี้

อย่างไรก็ดี จีนในวันนี้ได้อยู่ในห้วงยามสำคัญของการเร่งรัดการปฏิรูป ท่ามกลางการเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งเก่าและใหม่นานัปการ

เดินหน้าปฏิรูป เปิดกว้างต่อเนื่อง

สี จิ้นผิง ถือเป็นนักปฏิรูปที่โดดเด่นอีกคนหนึ่งของจีนต่อจากเติ้งเสี่ยวผิง โดยผู้นำทั้งสองมีภารกิจเดียวกันคือการสร้างความทันสมัยของประเทศ แต่อยู่ภายใต้บริบทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เมื่อครั้งเติ้งเสี่ยวผิง เริ่มต้นการปฏิรูป และเปิดกว้างช่วงปลายทศวรรษ 1970 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่อหัวของจีนน้อยกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7,300 บาท) ทำให้ความพยายามปฏิรูปและเปิดกว้างของเขาเริ่มต้นจากเกือบศูนย์

ทว่า เมื่อครั้ง สี จิ้นผิง ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 2012 จีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก ด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศต่อหัวสูงกว่า 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.19 แสนบาท) แต่การเติบโตได้ปรับเปลี่ยนความเร็วจากเดิม และข้อได้เปรียบหลายประการ เช่น ต้นทุนแรงงานที่ต่ำ ได้เริ่มลดน้อยถอยลง

แทนที่จะหยุดพักอยู่กับความสำเร็จของบรรดาผู้นำรุ่นก่อนหน้า สี จิ้นผิง กลับมุ่งมั่นเดินหน้าการปฏิรูป แม้รับรู้ดีว่าภารกิจนี้ยากเย็นเพียงไร โดยเขากล่าวว่าทำส่วนที่ง่ายของภารกิจนี้เสร็จสิ้นจนเป็นที่พึงพอใจของทุกคนแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นเป็นงานยากเหมือนกระดูกแข็งที่ต้องออกแรงเคี้ยว

ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้ออกมาตรการปฏิรูปมากกว่า 2,000 รายการ ซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถขจัดความยากจนขั้นรุนแรง ส่งเสริมการพัฒนาเมือง-ชนบทเชิงบูรณาการ ต่อสู้กับการทุจริตคดโกง สนับสนุนการประกอบธุรกิจ กระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม และผลักดัน “การปฏิวัติเขียว”

เนื่องด้วยมาตรการปฏิรูปเหล่านี้ เศรษฐกิจจีนเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่านับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งเสริมสร้างสถานะของจีนในการเป็นผู้มีส่วนส่งเสริมการเติบโตรายสำคัญของโลก

ปัจจุบัน จีน ต้องเพิ่มความพยายามเป็นพิเศษ ยามเผชิญกับความต้องการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชนและความท้าทายใหญ่ต่างๆ เช่น แรงกดดันจากเศรษฐกิจขาลงหลังจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กอปรกับความเสี่ยงจากภาคอสังหาริมทรัพย์ หนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น และสถาบันการเงินขนาดเล็ก-ขนาดกลางบางส่วน

เพื่อแสวงหาอนาคตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชนและประเทศชาติ สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่าการปฏิรูปและเปิดกว้างเป็น “วิธีการสำคัญ” สู่การบรรลุการสร้างความทันสมัยของจีนและสานต่อปาฏิหาริย์ทางการพัฒนาของประเทศ

สี จิ้นผิง เน้นย้ำ ความสำคัญของการปฏิรูปในการประชุมของกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ เมื่อเดือนมกราคม และสำทับถึงความจำเป็นในการปฏิรูปภาคส่วนต่างๆ อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นในการประชุมประจำปีของสภานิติบัญญัติและหน่วยงานที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงสุดของชาติในไม่กี่สัปดาห์ถัดมา

“การปฏิรูปเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนา” สีจิ้นผิงกล่าวระหว่างตรวจเยี่ยมมณฑลซานตงทางตะวันออกของจีนเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยสีจิ้นผิงยังจัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มผู้นำทางธุรกิจและนักวิชาการเกี่ยวกับวิธีการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น

หวงฮั่นเฉวียน ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจมหภาคแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการประชุมข้างต้น กล่าวว่า สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปอย่างมาก และมีความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการปฏิรูปทั้งหมดเป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้ สี จิ้นผิง กล่าวกับสมาชิกชุมชนธุรกิจ ยุทธศาสตร์ และวิชาการของสหรัฐฯ ที่เยือนกรุงปักกิ่งในฤดูใบไม้ผลินี้ว่าจีนกำลังวางแผนและดำเนินการตาม “ขั้นตอนสำคัญของการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น” โดยจีนจะเสริมสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มุ่งเน้นตลาด อ้างอิงกฎหมาย และเป็นสากลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่การพัฒนาแก่ธุรกิจของสหรัฐฯ และนานาชาติ

ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นปฏิรูปของสีจิ้นผิงยังคงเหมือนเดิมตลอดมา

ปี 1969 เมื่อครั้ง สี จิ้นผิง อายุสิบห้าย่างสิบหกปี เขาถูกส่งตัวไปยังหมู่บ้านเหลียงเจียเหอในมณฑลส่านซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนเพื่อใช้แรงงานในพื้นที่เกษตรกรรม ที่ซึ่งทำให้เขาได้รู้จักกับความหิวโหย โดยปณิธานของสีจิ้นผิงวัยหนุ่มตอนนั้นคือ ทำให้สหายร่วมหมู่บ้านมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ

การสนับสนุนการปฏิรูปอย่างแรงกล้าของสีจิ้นผิงยังมาจากความปรารถนามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชน โดยมาตรการปฏิรูปต่างๆ ที่สีจิ้นผิงดำเนินการในหมู่บ้านเหลียงเจียเหอในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ประจำหมู่บ้านเหลียงเจียเหอ ทั้งการใช้ก๊าซชีวภาพ ตั้งร้านตีเหล็ก และเปิดร้านขายของชำ ล้วนมุ่งยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน

ความมุ่งมั่นปฏิรูปของสีจิ้นผิงยังได้รับอิทธิพลจากผู้เป็นพ่ออย่างสีจ้งซวิน นักปฏิวัติเก่าและผู้สนับสนุนการปฏิรูปและเปิดกว้าง โดยปี 1978 สีจ้งซวินได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของมณฑลกว่างตง (กวางตุ้ง) ทางตอนใต้ของจีน และช่วยสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษชุดแรกของจีน ซึ่งประกอบด้วยเซินเจิ้น จูไห่ และซ่านโถว

ปีเดียวกันนั้นสีจ้งซวินมอบหมายให้สีจิ้นผิง ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิงหัว ดำเนินการวิจัยภาคสนามเกี่ยวกับระบบความรับผิดชอบตามสัญญาครัวเรือนในมณฑลอันฮุยทางตะวันออกของจีน โดยสีจิ้นผิงบันทึกข้อมูลจนเต็มสมุดที่ยังคงถูกเก็บไว้จนถึงทุกวันนี้

ชื่อเสียงของสี จิ้นผิง ในฐานะนักปฏิรูปเพิ่มพูนตามความก้าวหน้าบนเส้นทางอาชีพทางการเมืองของเขา

ช่วงต้นทศวรรษ 1980 สี จิ้นผิง ริเริ่มการทดลองปฏิรูปในอำเภอเจิ้งติ้ง ซึ่งเป็นอำเภอยากจนในมณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของจีน โดยเขาทดลองจัดทำสัญญาที่ดินในชนบท ทำให้อำเภอเจิ้งติ้งเป็นพื้นที่แรกของเหอเป่ยที่ปรับใช้แนวทาง ดังกล่าว

บทความที่เผยแพร่ผ่านนิตยสารไชน่า ยูธ (China Youth) ในปี 1985 บรรยายรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของอำเภอเจิ้งติ้งโดยอ้างอิงคำบอกเล่าของเลขาธิการพรรคฯ ระดับอำเภอจากมณฑลใกล้เคียงที่เยือนอำเภอเจิ้งติ้งที่ว่าการปฏิรูปเกิดขึ้นทุกที่จนประชาชนท้องถิ่นไม่ต้องร้องขอ

“หากมองย้อนกลับไปตอนนั้น สิ่งหนึ่งที่ทำสำเร็จคือการปลดปล่อยความคิด” สีจิ้นผิงกล่าวถึงการปฏิรูปในอำเภอเจิ้งติ้ง

ต่อจากอำเภอเจิ้งติ้ง สีจิ้นผิงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่นครเซี่ยเหมิน ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ที่ซึ่งเขาเป็นผู้นำการจัดตั้งธนาคารร่วมทุนแห่งแรกของจีนอย่างเซี่ยเหมิน อินเตอร์เนชันแนล แบงก์ (Xiamen International Bank) และหลังจากก้าวสู่ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลฝูเจี้ยน สี จิ้นผิง เป็นผู้นำการปฏิรูปการครอบครองป่าไม้ร่วมกัน ซึ่งถูกปรับใช้ในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของประเทศในเวลาต่อมา โดยแผนริเริ่มนี้เป็นที่รู้จักในฐานะอีกหนึ่งขั้นตอน การปฏิวัติพื้นที่ชนบทของจีน ต่อจากระบบความรับผิดชอบตามสัญญาครัวเรือน

ช่วงดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ ประจำมณฑลเจ้อเจียง สี จิ้นผิง นำเสนอแผนริเริ่มเพื่อส่งเสริมการพัฒนาผ่านการยกระดับอุตสาหกรรม โดยเขาสนับสนุนธุรกิจเอกชนอย่างแข็งขันและกระตุ้นนักธุรกิจ “ติดต่อโดยตรง” ที่สำนักงานของเขา เพื่อขอความช่วยเหลือ รวมถึงขยายการปฏิรูปนอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจและการเมืองไปยังเรื่องสังคม วัฒนธรรม และระบบนิเวศด้วย

การขึ้นชื่อเป็นนักปฏิรูปของสีจิ้นผิงสร้างความประทับใจแก่บุคคลสำคัญระดับนานาชาติ โดยเดือนกันยายน 2006 เฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ในเวลานั้น ได้เดินทางเยือนจีนและเลือกนครหางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง เป็นจุดหมายแรก

พอลสันยกให้ สี จิ้นผิง เป็น “ตัวเลือกอันสมบูรณ์แบบ” สำหรับการประชุมครั้งแรกของเขาในจีน พร้อมบรรยายว่าสีจิ้นผิงเป็น “คนที่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมาย” และต่อมาพอลสันที่พบปะหารือกับสีจิ้นผิงอีกครั้งในปี 2014 เล่าว่าผู้นำจีนคนนี้เผยว่าสิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือการปฏิรูปและประเด็นที่เกี่ยวข้อง

ปี 2007 ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ ประจำนครเซี่ยงไฮ้ สี จิ้นผิง เล็งเห็นความจำเป็นของการปฏิรูปเพื่อเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจเซี่ยงไฮ้สู่การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เพิ่มพูนความสามารถทางการแข่งขันในฐานะศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ และเสริมสร้างบทบาทของเซี่ยงไฮ้ในฐานะผู้นำการปฏิรูป และเปิดกว้าง

หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดของพรรคฯ ในปี 2012 สีจิ้นผิงตรวจเยี่ยมนครเซินเจิ้นเป็นแห่งแรกตามรอยผู้เป็นพ่อ ที่ซึ่งเขาได้วางกระเช้าดอกไม้ ณ รูปปั้นสัมฤทธิ์ของเติ้งเสี่ยวผิงในสวนสาธารณะเหลียนฮวาซาน เพื่อแสดงความมุ่งมั่นปฏิรูปอย่างแรงกล้า “เดินหน้าปฏิรูป เปิดกว้างต่อเนื่อง!”

การประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 18 ในปี 2013 ภายใต้การนำของสีจิ้นผิง ถือเป็นหมุดหมายสำคัญเหมือนการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 11 ในปี 1978 ซึ่งเปิดฉากยุคสมัยแห่งการปฏิรูป โดยการประชุมในปี 2013 เปรียบดังรุ่งอรุณของยุคสมัยใหม่แห่งการปฏิรูป

การประชุมเต็มคณะฯ ในปี 2013 สีจิ้นผิงแจกแจงความท้าทายต่างๆ ที่จีนเผชิญระหว่างการพัฒนา ทั้งการทุจริตคดโกง การพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน และปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยสีจิ้นผิงตอกย้ำว่า “กุญแจสำคัญของการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อยู่ที่การปฏิรูปอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

ที่ประชุมข้างต้นได้ตัดสินใจใน “ประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น” ซึ่งหนังสือพิมพ์ของสเปนแสดงความคิดเห็นว่าสีจิ้นผิงได้ริเริ่มการปฏิรูปเศรษฐกิจ สังคม และการบริหารของจีนอย่างลึกซึ้งมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี

หนึ่งเดือนถัดจากนั้น จีนประกาศจัดตั้งกลุ่มผู้นำส่วนกลางเพื่อการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น (Central Leading Group for Comprehensively Deepening Reform) โดยมีสีจิ้นผิงชี้นำด้วยตนเอง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรรคฯ ที่มีการจัดตั้งหน่วยงานผู้นำในส่วนกลางเพื่อการปฏิรูปโดยเฉพาะ โดยกลุ่มผู้นำฯ พัฒนาเป็นคณะกรรมาธิการกลางเพื่อการปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น (Central Commission for Comprehensively Deepening Reform) ในเวลาต่อมา โดยมีสีจิ้นผิงเป็นผู้อำนวยการ

บุคคลผู้ใกล้ชิดกับกระบวนการตัดสินใจเผยว่าสีจิ้นผิงเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการปฏิรูปที่สำคัญและยากลำบาก และสีจิ้นผิงพิจารณาทบทวนร่างแผนการปฏิรูปที่สำคัญแต่ละร่างอย่างละเอียดถี่ถ้วนชนิดแก้ไขคำต่อคำ

บุกป่าฝ่าดงพงไพร แม้รู้ว่ามีเสือสิงห์

การปฏิรูปที่นำโดยสีจิ้นผิงตั้งอยู่บนข้อคิดพิจารณาอันรอบคอบ ซึ่งได้จากการปฏิบัติงานนานหลายปีและมีการออกแบบชั้นยอด โดยสีจิ้นผิงอ้างอิงสำนวนจีนโบราณที่ว่า “ละทิ้งสิ่งเก่า เปิดรับสิ่งใหม่” เพื่อเรียกร้องการลงมือทำ พร้อมเชื่อมั่นว่าการปฏิรูปและการสร้างสรรค์สิ่งใหม่คือวัฒนธรรมโดยเนื้อแท้ของชนชาติจีน

สี จิ้นผิง มีความคิดทะลุปรุโปร่งเกี่ยวกับทิศทางของการปฏิรูป ตักเตือนเรื่องการลอกเลียนแบบระบบการเมืองของประเทศอื่นๆ และกล่าวว่าการปฏิรูปที่ไม่ได้วางแนวทางตามระบอบสังคมนิยมจะนำสู่ “ทางตัน” เท่านั้น

“สิ่งที่มิควรเปลี่ยนแปลงย่อมต้องธำรงรักษาไว้ดังเดิม” สีจิ้นผิงกล่าว พร้อมเน้นย้ำความจำเป็นในการสนับสนุนภาวะผู้นำ โดยรวมของพรรคฯ ในการเดินหน้าการปฏิรูป

สำหรับสิ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง สีจิ้นผิงเรียกร้องการลงมือทำอย่างจริงจังและกระตุ้นการสร้างสภาพแวดล้อมอันเอื้อต่อการปฏิรูป ซึ่งงานที่ต้องทำประกอบด้วยการขจัดอุปสรรคทั้งปวงที่จำกัดพลังความมีชีวิตชีวาขององค์กรธุรกิจและขัดขวางบทบาทของตลาด

การปฏิรูปของสีจิ้นผิงมีขอบเขต ขนาด และความเข้มข้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ครอบคลุมเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม สังคม ระบบนิเวศ การสร้างพรรคฯ การป้องกันประเทศ การทหาร และอื่นๆ

สี จิ้นผิง พัฒนาวิธีวิทยาสำหรับการปฏิรูปในยุคใหม่ นั่นคือการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างการปลดปล่อยความคิดกับการแสวงหาความจริงจากข้อเท็จจริง ระหว่างการสร้างความก้าวหน้าโดยรวมกับการสร้างความคืบหน้าในด้านสำคัญ ระหว่างการออกแบบชั้นยอดกับการคลำหินข้ามลำน้ำ ระหว่างการโลดโผนโจนทะยานกับการย่างก้าวอย่างมั่นคง รวมถึงการสร้างสมดุลของการปฏิรูป การพัฒนา และเสถียรภาพ

สี จิ้นผิง เน้นย้ำการดำเนินการปฏิรูปแบบองค์รวม เป็นระบบ และสอดประสาน ตลอดจนเคารพจิตวิญญาณการริเริ่มของประชาชน และกล่าวกับเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐว่า “เปิดรับสิ่งใหม่ก่อนละทิ้งสิ่งเก่า” รวมถึงควบคุมจังหวะและความเข้มข้นของการปฏิรูปอย่างเหมาะสมเพื่อผลลัพธ์อันดี

“ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ปรับปรุงแนวคิดการวัดความสำเร็จของการพัฒนา ซึ่งมักดูจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และช่วยให้เกิดการปฏิรูปที่ทลายผลประโยชน์อันมิชอบของคนบางส่วนอย่างแท้จริง” เจ้าหน้าที่รัฐคนหนึ่งจากมณฑลส่านซีกล่าว

เจ้าหน้าที่รัฐคนนี้ หวนนึกถึงตอนที่ สี จิ้นผิง สั่งการสอบสวนหลายครั้ง เพื่อหยุดยั้งการก่อสร้างบ้านพักขนาดใหญ่ อย่างผิดกฎหมายของกลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นในเขตอนุรักษ์ธรรมชาติเทือกเขาฉินหลิ่ง ซึ่งสะท้อนการขัดขวางการปฏิรูปด้านนิเวศวิทยาของท้องถิ่นในตอนนั้น

สี จิ้นผิง เผชิญความยากลำบากระหว่างผลักดันการปฏิรูป และจำเป็นต้องทลายสิ่งกีดขวางที่เกิดจากผลประโยชน์อันมิชอบ โดยสีจิ้นผิงกล่าวว่าเราจำเป็นต้องกล้าหาญบุกป่าฝ่าดงพงไพร แม้รู้อยู่เต็มอกว่ามีสัตว์ร้ายอย่างเสือสิงห์ และผลักดันการปฏิรูปไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

ในระยะเวลาไม่ถึง 20 วัน หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุด สีจิ้นผิงกำหนด “กฎระเบียบ 8 ประการ” ที่มุ่งปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติงานของพรรคฯ และเจ้าหน้าที่รัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาเรื้อรังต่างๆ ในระบบเจ้าขุนมูลนาย เช่น สิทธิพิเศษของเจ้าหน้าที่รัฐ การจัดงานเลี้ยงฟุ่มเฟือย และการใช้เงินภาษีอย่างสิ้นเปลืองรูปแบบอื่นๆ โดยกฎระเบียบเหล่านี้ได้รับยกย่องเป็น “ตัวพลิกสถานการณ์” การบริหารปกครองของจีน

สี จิ้นผิง ริเริ่มปราบปรามการทุจริตคดโกงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยสีจิ้นผิงชี้ว่าการต่อสู้กับการทุจริตคดโกงเป็นประโยชน์ต่อการชำระล้าง “ระบบนิเวศทางการเมือง” และ “ระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ” รวมถึงนำสู่การจัดระเบียบตลาดและฟื้นฟูตลาดให้มีสภาพอย่างที่ควรจะเป็น

โครงการปราบปรามการทุจริตคดโกงอย่างไม่ลดละล่าถอยแม้แต่ก้าวเดียวของจีนยังคงดำเนินต่อไป โดยช่วงปีที่ผ่านมา จีนได้ปราบปรามการทุจริตคดโกงในหลายภาคธุรกิจ ทั้งการเงิน อุปทานธัญพืช การดูแลสุขภาพ การผลิตและพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ และกีฬา

มีการสืบสวนสอบสวนหรือดำเนินคดีความกับบุคคลนับร้อย ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูง ผู้บริหารธนาคาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หรือแม้แต่ประธานสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศจีน และอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาฟุตบอลชายทีมชาติ

สี จิ้นผิง สนับสนุนความจำเป็นในการปฏิรูปพรรคฯ โดยเรียกร้อง “การปฏิวัติตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วนมากที่สุด”

ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง มีการสร้างระบบกำกับตรวจสอบตัวเองของพรรคฯ อย่างสมบูรณ์และเข้มงวด ก่อให้เกิดระบบกำกับควบคุมพรรคฯ ที่เป็นรูปเป็นร่าง โดยสีจิ้นผิงยกระดับระบบตรวจสอบและจัดตั้งระบบกำกับดูแลระดับชาติ ซึ่งจำกัดอำนาจอยู่ภายในกรอบสถาบัน รวมถึงริเริ่มการปฏิรูปสถาบันของพรรคฯ และรัฐอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

หลี่จวินหรู  อดีต รองประธาน โรงเรียนพรรคฯ แห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ ระบุว่าการปฏิรูปดังกล่าวเป็นที่จับตามองมากที่สุดในกระบวนการปฏิรูปทั้งหมดของจีน โดยสีจิ้นผิงใช้การปฏิรูปมาจัดการความท้าทายเฉพาะที่พรรคฯ เผชิญ และสร้างพรรคการเมืองตามลัทธิมากซ์ที่แข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งขึ้น

การปฏิรูปนี้รื้อถอนผลประโยชน์อันมิชอบเพิ่มเติม โดยสีจิ้นผิงเรียกร้องการแก้ไขปรับปรุงที่อาจขัดแย้งกับคนไม่กี่พันคน แต่เป็นประโยชน์กับประชาชนชาวจีน 1,400 ล้านคน

หลิวปิ่งเซียง อาจารย์ประจำโรงเรียนพรรคฯ แห่งคณะกรรมการกลางพรรคฯ อธิบายว่าสีจิ้นผิงขับเคลื่อนการปฏิวัติตนเองของพรรคฯ เพื่อชี้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยพรรคฯ ดำเนินแผนริเริ่มขจัดข้อบกพร่องเชิงสถาบันในการพัฒนาสังคมเพื่อปลดล็อกพลังการผลิต

สำหรับเรื่องนี้ สี จิ้นผิง สนับสนุนการเดินหน้าบริหารปกครองบนพื้นฐานของกฎหมายอย่างเต็มที่ มุ่งแก้ไขสารพันปัญหาที่มีมานานอย่างปัญหาอำนาจอยู่เหนือกฎหมาย และปัญหาสายสัมพันธ์ส่วนตัวทำลายหลักการทางกฎหมาย

ครั้งหนึ่ง สี จิ้นผิง กล่าวตำหนิปรากฏการณ์ “เงินซื้อการละเว้นโทษและซื้อชีวิต” และเคยกล่าวว่า “เศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยมเป็นเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนความน่าเชื่อถือ และหลักนิติธรรม”

สี จิ้นผิง สั่งการกำหนดและแก้ไขกฎหมายต่างๆ เช่น กฎหมายปราบปรามการผูกขาด ซึ่งเป็นรากฐานทางกฎหมายสำหรับระบบตรวจสอบการแข่งขันที่เป็นธรรม

นอกจากนั้น มีการปรับปรุงระบบกฎหมายสำหรับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยปี 2020 ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลระดับตำนานของสหรัฐฯ ชนะการฟ้องร้องคดีความในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งนำสู่การสั่งให้บริษัทจีนหยุดใช้คำภาษาจีน “เฉียวตาน” ที่หมายถึงจอร์แดน ในชื่อและเครื่องหมายการค้า

การปฏิรูปของสี จิ้นผิง มิเพียงนำสู่การเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ โดยสีจิ้นผิงยืนยันว่าแก่นแท้ของการสร้างความทันสมัยอยู่ที่ความทันสมัยของประชาชน การบ่มเพาะ “ความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรมและความภาคภูมิใจในชาติ” ในหมู่ประชาชนชาวจีนจึงกลายเป็นเป้าประสงค์หลักของการปฏิรูป

ปี 2012 สี จิ้นผิง ผนวก “ความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรม” เข้าสู่รายงานที่เสนอต่อการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ ครั้งที่ 18 และต่อมาสีจิ้นผิงบูรณาการแนวคิดนี้เข้าสู่ “สี่ความเชื่อมั่น” ของสังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์จีน พร้อมบรรยายว่าความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรมเป็น “พลังพื้นฐานอันลึกซึ้งและยืนยงยิ่งขึ้น”

การปฏิรูปของสี จิ้นผิง ยังแสดงการปรับปรุงลัทธิมาร์กซ์ เพื่อปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ บูรณาการหลักคำสอนพื้นฐานของลัทธิมาร์กซ์เข้ากับความเป็นจริงเฉพาะ และวัฒนธรรมดั้งเดิมอันดีงามของจีน ส่งผลให้การปฏิรูปของจีนสร้างนัยสำคัญเชิงปรัชญาใหม่

ในสารอวยพรปีใหม่ 2017 สีจิ้นผิงกล่าวว่า “เค้าโครงหลักของการปฏิรูป ซึ่งเปรียบเหมือนคานสี่อันและเสาแปดต้นของบ้าน ได้ตั้งขึ้นโดยพื้นฐานในหลายด้าน” โดยสำหรับผู้คุ้นเคยกับสถาปัตยกรรมจีนโบราณ สิ่งนี้บ่งชี้ความเป็นรูปเป็นร่างของตัวบ้านที่สามารถประดับตกแต่งเสริมสร้างให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สี จิ้นผิงได้กำกับทิศทางการปฏิรูปสู่เป้าหมายสำคัญสูงสุด นั่นคือการสนับสนุนและยกระดับระบบสังคมนิยมอันมีอัตลักษณ์จีน และสร้างความทันสมัยแก่ระบบและขีดความสามารถทางการบริหารปกครองของจีน

สิ่งนี้ จึงเป็นกระบวนการระยะยาวและท้าทายอย่างมิต้องสงสัย

นักปฏิรูปเท่านั้นที่ก้าวหน้า นักสร้างสรรค์เท่านั้นที่รุ่งเรือง

ปีที่สี จิ้นผิง เข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของจีน อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรายปีของจีน หดตัวจนต่ำกว่าร้อยละ 8 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999

วิกฤตหนี้สินในยุโรปส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของจีน อย่างรุนแรง และการกำกับควบคุมด้านอสังหาริมทรัพย์ฉุดรั้งอุปสงค์ความต้องการภายในประเทศ โดยนักวิเคราะห์ของธนาคารต่างชาติคนหนึ่งบอกว่า “เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญช่วงวิกฤตที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี”

ทว่าด้วยความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค สีจิ้นผิงได้บ่งชี้ทิศทางของการปฏิรูป พร้อมเชื่อมั่นว่าการพัฒนายังคงเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด และจัดวางการส่งเสริมการพัฒนาเป็นพันธกิจสำคัญระดับสูงสุดในแผนการปฏิรูปต่างๆ

สี จิ้นผิง ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ระยะใหม่ของการพัฒนา และนำเสนอปรัชญาการพัฒนาใหม่ ซึ่งเน้นการเติบโตอย่างสร้างสรรค์ สอดประสาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เปิดกว้าง และแบ่งปัน โดยสีจิ้นผิงริเริ่มการปฏิรูปโครงสร้างอุปทาน ผลักดันเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่มีคุณภาพสูง และดำเนินการสร้างการพัฒนารูปแบบใหม่

เมื่อกล่าวถึงนัยสำคัญของการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงโครงสร้างอุปทาน สี จิ้นผิง ยกตัวอย่างกรณีนักท่องเที่ยวชาวจีนซื้อที่นั่งโถชำระล้างและหม้อหุงข้าวอัจฉริยะจากต่างประเทศ เพราะไม่สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือที่มีคุณภาพสูงจากตลาดภายในประเทศ ขณะผู้ผลิตสินค้าภายในประเทศบางส่วนต้องดิ้นรนหาลูกค้า

การปฏิรูปโครงสร้างอุปทานนานหลายปี ภายใต้การกำกับดูแลของสี จิ้นผิง ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยจีนรุ่นใหม่ๆ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแบบประหยัดพลังงาน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุปกรณ์กีฬาที่ทำจากวัสดุใหม่ และเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่

ขณะเดียวกันมีการแก้ไขปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในบางภาคธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น อุตสาหกรรมเหล็กกล้าตัดลดกำลังการผลิตที่ล้าสมัยและเกินความจำเป็นรวมราว 300 ล้านตัน เมื่อนับถึงสิ้นปี 2022 ซึ่งสูงกว่าผลผลิตเหล็กกล้าดิบทั้งหมดของอินเดียในปีนั้นถึงสองเท่า

สี จิ้นผิง เป็นผู้นำการปฏิรูปโครงสร้างอุปทานด้วยการลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่างพร้อมกับมองการณ์ไกล โดยเมื่อครั้งตรวจเยี่ยมเอสเอไอซี มอเตอร์ (SAIC Motor) ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของจีนในปี 2014 สีจิ้นผิงเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการอันหลากหลาย และความสำคัญของยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในการเสริมสร้างสถานะของจีนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะตอนนั้นยานยนต์ส่วนใหญ่บนท้องถนนของจีนยังใช้น้ำมันเบนซิน

ช่วงทศวรรษถัดมา สีจิ้นผิงกลายเป็นแฟนตัวยงของยานยนต์ไฟฟ้า ได้เยี่ยมเยือนบริษัทยานยนต์ เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ และแสดงความสนใจจะทดลองยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่พัฒนาภายในประเทศอย่างมาก โดยสีจิ้นผิงกระตุ้นบรรดาผู้ผลิตยานยนต์ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และเพิ่มพูนความสามารถทางการแข่งขันในตลาด

ข้อเท็จจริงคืออุตสาหกรรมพลังงานใหม่เป็นส่วนหนึ่งในวิสัยทัศน์พลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพของสีจิ้นผิง โดยวลี “พลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ” ที่สีจิ้นผิงกล่าวถึงครั้งแรกระหว่างตรวจเยี่ยมพื้นที่ท้องถิ่นในปีก่อน กลายเป็นคำเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่ผู้คนสนใจอย่างรวดเร็ว แต่สีจิ้นผิงเริ่มต้นลงมือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ก่อนหน้านี้นานแล้ว

ย้อนกลับช่วงทศวรรษ 1970 ที่หมู่บ้านเหลียงเจียเหอ ในมณฑลส่านซี สี จิ้นผิง เป็นคนแรกของมณฑลที่ริเริ่มใช้โรงผลิตก๊าซชีวภาพ ซึ่งอาจจัดเป็น “พลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ” ในตอนนั้น ช่วยให้ชาวบ้านมีพลังงานสะอาดไว้ใช้สร้างแสงสว่าง และประกอบอาหารแทนการเผาฟืนและน้ำมันแบบดั้งเดิม

สี จิ้นผิง เป็นผู้เชื่อมั่นในลัทธิมาร์กซ์อย่างหนักแน่นและมองว่าแนวคิดพลังการผลิตเป็น “สาเหตุรากฐานของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองทั้งหมด”

การพัฒนาพลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ ซึ่งเน้นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่และคุณภาพสูง ถือเป็นแรงกระตุ้นจากผู้กำหนดนโยบายของจีนในการเกาะกระแสคลื่นลูกใหม่ของการปฏิวัติทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในวงการต่างๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ชีววิทยาสังเคราะห์ เทคโนโลยีนาโน และสารสนเทศเชิงควอนตัม รวมถึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอันขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมที่สีจิ้นผิงนำเสนอ

สี จิ้นผิง เปรียบเปรยการขาดแคลนความสามารถ สร้างสรรค์นวัตกรรม อันแข็งแกร่งเป็น “จุดอ่อน” ของยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอย่างจีน และชี้ว่า “มีเพียงนักปฏิรูปเท่านั้น ที่ก้าวหน้า นักสร้างสรรค์เท่านั้นที่รุ่งเรือง และผู้ที่ปฏิรูปและสร้างสรรค์จะคว้าชัยชนะ”

การปฏิรูปด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีภายใต้การชี้นำของสี จิ้นผิง ก้าวหน้าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มีการใช้ประโยชน์จากระบบใหม่ในการระดมทรัพยากรทั่วประเทศมาเกื้อหนุนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญ จัดตั้งห้องปฏิบัติการระดับชาติชุดแรก และเสริมสร้างบทบาทของผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์นวัตกรรม

ผลลัพธ์จากการปฏิรูปด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีนั้น ปรากฏชัดเจน โดยอันดับของจีน ในดัชนีนวัตกรรมโลก (GII) ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ก้าวกระโดดจากอันดับ 34 ในปี 2012 เป็นอันดับ 12 ในปี 2023

ข้อมูลในปี 2023 ระบุว่าจีนแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่มีส่วนส่งเสริมการเผยแพร่บทความวิจัยในกลุ่มวารสารวิทยาศาสตร์ธรรมชาติที่มีคุณภาพสูงของเนเจอร์ อินเด็กซ์ (Nature Index) เป็นครั้งแรกในปี 2022

แม้เผชิญการกดขี่และคว่ำบาตรด้านชิปจากสหรัฐฯ หลายปี แต่ยักษ์ใหญ่ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของจีนอย่างหัวเหวย (Huawei) สามารถเปิดตัวสมาร์ตโฟนระดับไฮเอนด์หลายรุ่นในปี 2023 ซึ่งหลายฝ่ายมองเป็นบทพิสูจน์ว่าความพยายามของประเทศตะวันตกบางส่วนที่หวังจำกัดควบคุมภาคเทคโนโลยีของจีนนั้นแทบไม่ได้ผล

อย่างไรก็ดี มีงานอีกมากมายที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง สีจิ้นผิงเตือนว่า “การวิจัยพื้นฐานเป็นแหล่งที่มาของการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี แม้จีนได้สร้างความก้าวหน้าสำคัญในการวิจัยพื้นฐาน แต่ยังคงห่างชั้นจากการวิจัยขั้นสูงในระดับนานาชาติอย่างชัดเจน

สี จิ้นผิง เรียกร้องการปฏิรูปเชิงระบบเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่การวิจัยพื้นฐาน รวมถึงสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมตั้งต้น และเร่งรัดการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ ล้ำสมัย และสร้างความเปลี่ยนแปลง

ปลดปล่อยพลังของตลาด

เมื่อครั้ง สี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งสูงสุดของพรรคฯ กาลเวลาได้ผันผ่านไปสองทศวรรษแล้วนับตั้งแต่มีการปรับใช้แนวคิดการสร้างเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยม

ทว่าการทำธุรกิจยังคงเป็นงานที่ท้าทาย โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติที่เข้าร่วม “การประชุมสองสภา” ในปี 2014 เปิดเผย ว่าโครงการลงทุนเพียงโครงการเดียว ตั้งแต่จัดหาที่ดินจนถึงเสร็จสิ้นกระบวนการขออนุมัติทั้งหมด ต้องขออนุมัติจากรัฐบาลมากกว่า 30 ครั้ง และตราประทับนับร้อยดวง ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาอย่างต่ำ 272 วันทำการ

สีจิ้นผิงไม่เห็นด้วยกับการขออนุมัติจากรัฐบาลอันยุ่งยากนี้อย่างมาก โดยตอนปฏิบัติงานอยู่ที่นครฝูโจวของมณฑลฝูเจี้ยน สีจิ้นผิงได้บุกเบิกกลไกที่ช่วยให้กระบวนการทั้งหมดของการขออนุมัติโครงการลงทุนเสร็จสิ้นภายในจุดเดียวในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ สีจิ้นผิงสนับสนุนว่า “ตลาดมีบทบาทชี้ขาดในการจัดสรรทรัพยากร และรัฐบาลจะดำเนินบทบาทได้ดียิ่งขึ้น”

ตลอดหลายปี ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีจีนได้ยกเลิกหรือมอบอำนาจให้หน่วยงานทางการระดับต่ำกว่าทำการอนุมัติได้มากกว่า 100 รายการ และตัดลดจำนวนรายการการลงทุนที่ต้องขออนุมัติจากรัฐบาลกลางลงมากกว่าร้อยละ 90

“ปล่อยให้พลังความมีชีวิตชีวาที่สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยและพลังของตลาดพรั่งพรูออกมาอย่างเต็มที่” สีจิ้นผิงกล่าว

ผลลัพธ์ของการปฏิรูปนั้นโดดเด่นเห็นได้ชัด โดยจีนได้รับการจัดอันดับจากธนาคารโลกให้เป็นหนึ่งในสิบเศรษฐกิจชั้นนำที่มีพัฒนาการด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจโดดเด่นมากที่สุดติดต่อกัน 2 ปี

โครงการโรงงานเซี่ยงไฮ้ กิกะแฟคทอรี ของเทสลา (Tesla) เริ่มต้นก่อสร้างเดือนมกราคม 2019 และเทสลาเริ่มต้นส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า รุ่นโมเดล 3 ที่ผลิตจากโรงงานข้างต้นชุดแรกในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ซึ่งเป็นย่างก้าวการพัฒนาที่อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลากล่าวชื่นชม ขณะที่เดือนพฤษภาคมปีนี้ โครงการโรงงานเมกะแพคในต่างประเทศเพียงแห่งเดียวของเทสลาเริ่มต้นก่อสร้างในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ “ความเร็วของจีน”

สี จิ้นผิง เข้าใจสถานการณ์ความยากลำบาก ที่บรรดาผู้ประกอบการเอกชน ต้องพานพบเป็นอย่างดี จึงสั่งจัดตั้ง สำนักการพัฒนาเศรษฐกิจเอกชน ภายใต้หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจ ระดับสูงสุดของประเทศ เพื่อมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการเอกชนที่เผชิญอุปสรรคความยากลำบาก

นอกจากนั้น สี จิ้นผิง เน้นย้ำ ความจำเป็นของการส่งเสริมการปฏิรูปทางการเงินเพื่อเกื้อหนุนการจัดหาเงินทุนแก่ผู้ประกอบการเอกชน พร้อมสำทับถึงความสำคัญของการส่งเสริมเงินทุนเอกชนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ที่ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยกฎหมายและระเบียบข้อบังคับอย่างชัดเจน

ภายใต้การชี้แนะของสีจิ้นผิง มีการดำเนินงานตามระบบบัญชีรายการต้องห้าม เพื่อการเข้าถึงตลาดอย่างรอบด้าน ช่วยให้เงินทุนเอกชนเข้าถึงภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่าง ๆ ที่ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยบัญชีรายการดังกล่าวอย่างชัดเจน ส่งผลให้จำนวนองค์กรธุรกิจจดทะเบียนทั่วประเทศสูง แตะ 184 ล้านราย เมื่อนับถึงสิ้นปี 2023 ซึ่งสูงกว่า ในปี 2012 ถึงสามเท่า

ช่วงปี 2012-2023 จำนวนผู้ประกอบการเอกชนในจีนเพิ่มขึ้นมากกว่าสี่เท่า และสัดส่วนผู้ประกอบการเอกชนเพิ่มขึ้นจากไม่ถึงร้อยละ 80 เป็นมากกว่าร้อยละ 92 ของจำนวนผู้ประกอบการทั้งหมด

ขณะเดียวกันมีการอนุมัติจัดตั้งธนาคารเอกชนหลายแห่ง เริ่มต้นดำเนินงานทางรถไฟความเร็วสูงที่กำกับควบคุมโดยเงินทุนเอกชน อนุญาตภาคเอกชนเข้าลงทุนในภาคธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซ และบริษัทจรวดเอกชนประสบความสำเร็จในการยิงจรวดจากกลางทะเล

สี จิ้นผิง ยังริเริ่มการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจแบบมุ่งเน้นตลาด โดยปี 2017 ไชน่า ยูนิคอม (China Unicom) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่บริหารงานโดยส่วนกลางแห่งแรกในอุตสาหกรรมการสื่อสารโทรคมนาคมที่เปิดรับเงินทุนเอกชน ได้เปิดตัวนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ 14 ราย อาทิ เทนเซ็นต์ (Tencent) ไป่ตู้ (Baidu) เจดี.คอม (JD.com) และอาลีบาบา (Alibaba) ที่เป็นกลุ่มยักษ์ใหญ่แห่งวงการอินเทอร์เน็ต ใน “การปฏิรูปแบบร่วมเป็นเจ้าของ”

แผนปฏิบัติการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ระยะ 3 ปี ได้แปรเปลี่ยนรัฐวิสาหกิจสู่บริษัทจำกัดหรือบริษัทจำกัดโดยหุ้น ทำให้รัฐวิสาหกิจราว 38,000 แห่ง แต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร

สื่อต่างประเทศ รายงาน ว่า การปฏิรูปของจีนก้าวหน้าตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยสงครามการค้าที่มีต้นตอจากสหรัฐฯ โรคระบาดใหญ่ทั่วโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้ทดสอบความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีน ขณะที่จีนกำลังเปลี่ยนผ่านรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของตนเองด้วย

สี จิ้นผิง ชี้นำให้จีนเร่งสร้างการพัฒนารูปแบบใหม่ ซึ่งจัดวางตลาดภายในประเทศเป็นแกนหลัก พร้อมเกื้อหนุนตลาดภายในประเทศและตลาดระหว่างประเทศส่งเสริมซึ่งกันและกัน

การสนับสนุนหลักสำหรับยุทธศาสตร์นี้คือการจัดตั้งตลาดระดับชาติแบบรวมศูนย์ ซึ่งนำสู่การดำเนินการปฏิรูปด้านต่างๆ เพื่อกำจัดการกีดกันทางการค้าในระดับท้องถิ่นและทลายกำแพงทางการค้าในระดับภูมิภาค

หลี่จวินหรู นักทฤษฎีของพรรคฯ ผู้มากประสบการณ์ กล่าวว่าสีจิ้นผิงวาด “จุด” “วงกลม” และ “เส้น” ใหม่บนแผนที่ของจีน ขณะเดินหน้าประสานงานระหว่างภูมิภาคและกระตุ้นการพัฒนาของเขตใหม่สยงอัน เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี และเขตเศรษฐกิจอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า

สี จิ้นผิง ทวีคูณความพยายามเปิดกว้างเพื่อผลักดันการปฏิรูปและให้ความสำคัญสูงสุดกับ “การเปิดกว้างเชิงระบบ” ตัวอย่างเช่นจีนยกเลิกข้อจำกัดต่างชาติเข้าเป็นเจ้าของบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการกองทุนรวม บริษัทสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และบริษัทประกันชีวิต

จีน กำลังผลักดันการภาคยานุวัติความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกที่ครอบคลุมและก้าวหน้า (CPTPP) ขณะรัฐบาลมุ่งปฏิบัติตามมาตรฐานระดับสูงของข้อตกลงดังกล่าวและแนวทางที่อยู่นอกเหนือนโยบายการเข้าถึงตลาดในปัจจุบัน

ปี 2013 สีจิ้นผิงจัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องแห่งแรกของจีนในนครเซี่ยงไฮ้ โดยปัจจุบันจำนวนเขตการค้าเสรีนำร่องดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 22 แห่ง พร้อมกับมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของประเทศกลายเป็นท่าเรือการค้าเสรี

การปฏิรูปที่สำคัญอีกหนึ่งประการของสีจิ้นผิงคือการจัดงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าระดับชาติงานแรกของโลกที่เน้นการขยายการนำเข้า

นอกจากนั้น สี จิ้นผิง ยังริเริ่มการจัดงานแสดงสินค้าที่เกื้อหนุนการค้าภาคบริการและงานมหกรรมที่เน้นแสดงสินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลก ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของสีจิ้นผิงในการเปิดเสรีทางการค้าและโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบัน จีน เป็นคู่ค้าหลักของประเทศและภูมิภาคต่างๆ มากกว่า 140 แห่ง และยังคงครองตำแหน่งจุดหมายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก

ขณะเดียวกันสีจิ้นผิงเฝ้าระวังการขยายตัวอย่างไม่เป็นระเบียบของเงินทุน การปั่นป่วนตลาด และการแสวงหากำไรเกินควรในบางภาคธุรกิจ เพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงที่คล้ายคลึงกับวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ของสหรัฐฯ

สี จิ้นผิง นำเสนอการติดตั้ง “สัญญาณไฟจราจร” ของการหมุนเวียนเงินทุน เพื่อรับรองว่าเหล่า “ผู้มีอิทธิพลทางการเงิน” (financial magnate) จะไม่กระทำการอันไร้ความซื่อสัตย์ และช่วยให้เงินทุนทำหน้าที่ของมันอย่างถูกต้องเหมาะสมในฐานะปัจจัยการผลิตต่อไป

สิ่งนี้ บ่งชี้ ว่า การปฏิรูปของจีนไม่ได้มุ่งเน้นการเติบโตเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังคำนึงถึงแนวทางการเติบโตอันสมดุลยิ่งขึ้นอีกด้วย

การประสานการพัฒนาและความมั่นคงเป็นจุดโดดเด่นในความพยายามปฏิรูปรอบด้านอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นของสีจิ้นผิง โดยจีนยังคงเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่เพียงแห่งเดียวของโลกที่ปลอดวิกฤตการเงินตลอดสี่ทศวรรษที่ผ่านมา

เอาใจใส่ความต้องการของประชาชนเป็นลำดับแรก

สี จิ้นผิง เน้นย้ำ ว่า เป้าหมายสูงสุดของการปฏิรูปคือเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยสีจิ้นผิงเอาใจใส่กับสิ่งที่ประชาชนต้องการเป็นลำดับแรกและทำตามความปรารถนาของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากแนวทาง “เงินทุนมาก่อน” ที่มักพบในประเทศเศรษฐกิจแบบทุนนิยมอย่างสิ้นเชิง

ปี 2017 สี จิ้นผิง ชี้ว่า หลังจากผ่านการปฏิรูปและเปิดกว้างมานานเกือบ 40 ปี ปัญหาที่สังคมจีนเผชิญได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยสีจิ้นผิงอธิบายว่า “สิ่งที่เราเผชิญตอนนี้คือความย้อนแย้งระหว่างการพัฒนาที่ไม่สมดุลและไม่เพียงพอกับความต้องการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของประชาชน”

เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ สีจิ้นผิงสนับสนุนการพัฒนาเชิงประสานและแบ่งปัน และมุ่งมั่นบรรลุวิสัยทัศน์ “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ของเติ้งเสี่ยวผิง

เมื่อครั้งสีจิ้นผิงเข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดในปี 2012 ภูมิภาคตะวันออกและตะวันตกของจีนเกิดความเหลื่อมล้ำกันอย่างมาก รวมถึงเกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านความมั่งคั่งร่ำรวยในระดับรุนแรง

สี จิ้นผิง ได้เปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การบรรเทาความยากจน และดำเนินการตามแนวทางใหม่ที่เรียกว่า “การขจัดความยากจนแบบมุ่งเป้า”

มีการขึ้นทะเบียนบุคคล และหมู่บ้านที่ได้รับการยืนยันว่ามีฐานะยากจน และสร้างแฟ้มข้อมูลในระบบข้อมูลการบรรเทาความยากจนระดับชาติ ขณะเดียวกันมีการโยกย้ายผู้ยากไร้ออกจากพื้นที่ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต รัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรมต่างๆ ตามสภาพการณ์ท้องถิ่นและจัดการฝึกอบรมผู้ด้อยโอกาสเพื่อเพิ่มรายได้ รวมถึงกระจายกำลังเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 3 ล้านคน เข้าประจำการตามหมู่บ้านที่กำหนดเพื่อดำเนินมาตรการบรรเทาความยากจน

ภายใต้การนำของสีจิ้นผิง จีนสามารถขจัดความยากสัมบูรณ์ในพื้นที่ชนบท ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานานหลายพันปี

การปฏิรูปของจีนเริ่มต้นในพื้นที่ชนบทในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และแผนริเริ่มการปฏิรูปของสีจิ้นผิงเกี่ยวข้องกับการเกษตร พื้นที่ชนบท และเกษตรกร ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นวงกว้างยิ่งขึ้น

สี จิ้นผิง ได้จัดตั้งกลไกการผลิตธัญพืชอันมีเสถียรภาพเพื่อรับรองว่า “อุปทานด้านอาหารของจีนยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างมั่นคง” ปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของหมู่บ้าน และส่งเสริมการฟื้นฟูชนบทอย่างรอบด้าน

ช่วงต้นทศวรรษ 2000 สีจิ้นผิงนำเสนอบทความวิชาการหัวข้อการปฏิรูประบบทะเบียนบ้านเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงการแบ่งแยกตลาดแรงงานในเมืองและชนบทที่มีต้นเหตุจากระบบทะเบียนบ้าน โดยตอนนั้นมีข้อถกเถียงอย่างมากว่าควรยกเลิกข้อจำกัดด้านทะเบียนบ้านหรือไม่

ปี 2016 รัฐบาลกลางออกแผนการมอบถิ่นที่อยู่อาศัยในเมืองแก่ประชาชนจากพื้นที่ชนบทและผู้อยู่อาศัยถาวรอื่น ๆ ซึ่งไม่มีทะเบียนบ้านในท้องถิ่นประมาณ 100 ล้านคน โดยแผนการดังกล่าวดำเนินงานเสร็จสิ้นก่อนกำหนด

ขณะตรวจเยี่ยมนครเซี่ยงไฮ้ในปี 2023 สีจิ้นผิงเยือนอะพาร์ตเมนต์ที่แรงงานต่างถิ่นพำนักอาศัยอยู่ และยินดีที่ทราบว่าเหล่าแรงงานต่างถิ่นกำลังเข้ามาตั้งรกรากในเมืองใหญ่

“เยี่ยมมาก! อยู่ที่นี่ ลงหลักปักฐาน และพยายามเพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น” สีจิ้นผิงกล่าว

ภายใต้การนำของสีจิ้นผิง จีนได้ยกเลิกระบบอบรมการศึกษาใหม่ผ่านการใช้แรงงาน ซึ่งคงอยู่มานานกว่าครึ่งศตวรรษ เพิ่มเกณฑ์ยกเว้นภาษีเงินรายได้บุคคลธรรมดาจาก 3,500 หยวน (ราว 17,000 บาท) เป็น 5,000 หยวน (ราว 24,000 บาท) ต่อเดือน และวางหลักการประชาชนเป็นศูนย์กลางในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ “บ้านไว้อยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อเก็งกำไร”

เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากร จีนได้ปรับเปลี่ยนนโยบายประชากรและการวางแผนครอบครัว มีการปฏิรูปเพื่อรับรองการศึกษาที่ดียิ่งขึ้นและเท่าเทียมกัน นอกจากนั้นสีจิ้นผิงยังเป็นผู้นำการจัดตั้งระบบประกันสังคมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและริเริ่มการปฏิรูปการบริการดูแลผู้สูงอายุขั้นพื้นฐาน ทำให้ปัจจุบันจำนวนประชาชนที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของประกันผู้สูงอายุขั้นพื้นฐานและประกันสุขภาพขั้นพื้นฐานในจีนสูงเกิน 1 พันล้าน และ 1.3 พันล้านคนแล้ว

ด้วยความเชื่อมั่นว่า “สุขภาพที่ดีของประชาชนเป็นตัวบ่งชี้พื้นฐานของความทันสมัย” สีจิ้นผิงเรียกร้องการศึกษาและส่งเสริมแนวทางในเมืองซานหมิงของมณฑลฝูเจี้ยน เพื่อผลักดันการปฏิรูปการดูแลสุขภาพ

สี จิ้นผิง สนับสนุนให้ยกเลิกการบวกราคาของยาและวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ทางการแพทย์ ซึ่งบังคับใช้มานานกว่า 60 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย โดยหน่วยงานรัฐบาลดำเนินงานตามข้อเรียกร้องของสีจิ้นผิงและจัดตั้งทีมงานขึ้นมาเจรจาราคายาและวัสดุสิ้นเปลืองกับกลุ่มบริษัทเภสัชภัณฑ์

คลิปวิดีโอการเจรจาราคาที่แพร่กระจายบนโลกออนไลน์ ในปี 2021 แสดงภาพคณะผู้แทนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจีนยืนกรานว่า “ไม่ควรมีผู้ป่วยถูกทอดทิ้งแม้เป็นส่วนน้อย” และสามารถตัดลดราคายารักษาโรคหายากจากราว 7 แสนหยวน (ราว 3.5 ล้านบาท) ต่อหลอด เหลือ 33,000 หยวน (ราว 1.65 แสนบาท) ต่อหลอด หลังจากเจรจากันอย่างเข้มข้นถึง 8 รอบ

ยารักษาโรคหายากนี้ถูกบรรจุเข้าบัญชีรายชื่อยาตามประกันสุขภาพของจีนในเวลาต่อมา จุดประกายความหวังแก่ผู้ป่วยทั่วประเทศมากกว่า 30,000 ราย โดยการตัดลดราคายาหลายร้อยรายการในลักษณะเดียวกันได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ของประชาชนสะสมราว 5 แสนล้านหยวน (ราว 2.5 ล้านล้านบาท) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

สี จิ้นผิง เดินหน้าการปฏิรูประบบดูแลสุขภาพในชนบทเพื่อรับรองว่าประชาชนในพื้นที่ชนบทอันกว้างใหญ่ของจีนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลราคาย่อมเยา โดยการปฏิรูปดังกล่าวช่วยลดกรณีเจ็บป่วยอันเกิดจากความยากจนอย่างมาก ทำให้ปัจจุบันประชาชนที่มีรายได้ต่ำและที่เพิ่งหลุดพ้นจากความยากจนในพื้นที่ชนบทมีประกันสุขภาพเกือบทั้งหมดแล้ว

ขณะการปฏิรูปของสีจิ้นผิงในภาควัฒนธรรมตอกย้ำการส่งเสริม “โลกแห่งจิตวิญญาณ” ของประชาชนในฐานะข้อกำหนดสำคัญของการสร้างความทันสมัยของจีน สิ่งนี้เชื่อมโยงกับการขัดเกลาแผนงานและนโยบายอุตสาหกรรมวัฒนธรรม และเกื้อหนุนธุรกิจและการบริโภคทางวัฒนธรรมรูปแบบใหม่

อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จำนวนจอฉายภาพยนตร์ในจีนเพิ่มขึ้นจากราว 13,000 จอในปี 2012 เป็นมากกว่า 86,000 จอในปี 2023 ซึ่งมากที่สุดในโลก โดยเมื่อต้นปีนี้ เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของจีนกำลังผลิตภาพยนตร์คุณภาพสูงที่ตรงกับความสนใจของผู้ชมภายในประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น สี จิ้นผิง ยังปรับปรุงระบบการศึกษา ซึ่งเกี่ยวพันโดยตรงกับการเพิ่มพูนผู้มีความรู้ความสามารถและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี

สี จิ้นผิง ส่งเสริมการพัฒนาอันสมดุลของการศึกษาภาคบังคับ ลดปริมาณการบ้านของนักเรียนเพื่อรับประกันการพัฒนาอย่างรอบด้าน และสร้างระบบอาชีวศึกษาและระบบมหาวิทยาลัยอันทันสมัย

สัดส่วนรายจ่ายทางการคลังเพื่อการศึกษาของจีนยังคงสูงเกินร้อยละ 4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ติดต่อกันหลายปี ซึ่งถือเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ที่สุดของการใช้จ่ายงบประมาณสาธารณะของจีนการปฏิรูปอันโดดเด่นที่นำโดยสีจิ้นผิงอีกหนึ่งประการคือระบบนิเวศ

มื่อครั้งสีจิ้นผิงเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคฯ ในปี 2012 มลพิษทางสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในปัญหาร้องเรียนบ่อยที่สุดในหมู่สาธารณชน โดยช่วงต้นปีนั้น แม่น้ำในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีนตรวจพบมลพิษจากสารแคดเมียมอันเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของน้ำดื่มของประชาชนกว่าล้านคน และเกิดปรากฏการณ์ “ไม่ใช่ในสวนหลังบ้านของฉัน” (Not in My Back Yard) ที่สำคัญหลายครั้งทั่วประเทศในปีดังกล่าว ซึ่งมีต้นตอจากความกังวลด้านมลพิษทางอุตสาหกรรม

สีจิ้นผิง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากแผนริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อมอันเด็ดขาดเข้มงวดในนครเซี่ยเหมินเพื่อทำความสะอาดทะเลสาบอวิ๋นตังและในนครหางโจวเพื่อปกป้องทะเลสาบซีหู ได้จัดตั้งกระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้การคุ้มครองทางนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมเป็น “เส้นแดง” ที่ห้ามล่วงล้ำ ริเริ่มการตรวจสอบการคุ้มครองทางนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมของหน่วยงานกลาง และกระตุ้นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรับผิดชอบการคุ้มครองแม่น้ำ ทะเลสาบ และป่าไม้ในฐานะ “หัวหน้าการจัดการ”

ภายใต้การนำของสีจิ้นผิง จีนกลายเป็นประเทศที่มีพัฒนาการด้านคุณภาพอากาศดีขึ้นรวดเร็วที่สุด ทรัพยากรป่าไม้เพิ่มขึ้นมากที่สุด และพื้นที่ปลูกป่าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขณะเดียวกันจีนยังครองตำแหน่งผู้นำโลกด้านกำลังการผลิตติดตั้งพลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และชีวมวล ท่ามกลางความพยายามปฏิวัติทางพลังงานของสีจิ้นผิง

จีน ได้พัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมุ่งมั่นจะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนหลังจากปล่อยคาร์บอนแตะระดับสูงสุดภายในระยะเวลาอันสั้นกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว โดย สี จิ้นผิง กล่าวว่า “การพัฒนาอันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนต่ำเป็นวาระแห่งยุค และผู้ดำเนินการพัฒนาดังกล่าวจะประสบความเจริญรุ่งเรือง”

สี จิ้นผิง เชื่อว่า การปรับแก้วิธีการเติบโตที่ไม่ยั่งยืนมีความสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของชาติจีนและการปกป้องโลก ซึ่งเป็น “บ้านเพียงหลังเดียวของเรา”

ก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ

“ไม่มีประเทศไหนในโลกที่สามารถเดินหน้าการปฏิรูปอย่างครอบคลุมรอบด้านแบบเดียวกับที่จีนทำตามคำมั่นสัญญาและตระหนักถึงความเร่งด่วนในวันนี้” เหลียนเหอ จ่าวเป้า หนังสือพิมพ์ของสิงคโปร์รายงาน

รายงานเอเดลแมน ทรัสต์ บาโรมิเตอร์ ปี 2023 ซึ่งเป็นผลสำรวจจากบริษัทที่ปรึกษาเอเดลแมน (Edelman) ระบุว่าระดับความไว้วางใจโดยรวมของจีนอยู่ที่ 83 ซึ่งครองอันดับหนึ่งในประเทศกลุ่มสำรวจทั้งหมด และจีนเป็นประเทศเดียวในประเทศกลุ่มสำรวจที่แสดงมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับโอกาสทางเศรษฐกิจ

เหล่านักสังเกตการณ์เชื่อว่า ด้วยสี จิ้นผิง เป็นผู้นำการปฏิรูปในยุคใหม่ เศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยมที่เกริ่นนำโดยเติ้งเสี่ยวผิงจะเจริญเติบโตต่อเนื่องอย่างไม่ต้องสงสัย โดย สี จิ้นผิง ได้ติดเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนจีนบนการเดินทางสู่การสร้างความทันสมัยที่มิอาจหวนกลับคืน

การปฏิรูปของเติ้งเสี่ยวผิง และคำประกาศ “การพัฒนาคือหลักการโดยสมบูรณ์” ที่ปลดปล่อยและพัฒนาพลังการผลิตทางสังคมของจีน ช่วยผลักดันจีนสู่การเป็นขุมพลังทางเศรษฐกิจของโลก

สี จิ้นผิง ถือว่า การพัฒนาที่มีคุณภาพสูงเป็นหลักการอันสลักสำคัญในยุคใหม่ และริเริ่มมการเปลี่ยนผ่านอย่างรอบด้าน และเป็นระบบในจีน ซึ่งมีส่วนส่งเสริมการปรับสมดุลของเศรษฐกิจโลก

เศรษฐกิจจีนเติบโตร้อยละ 5.2 ในปี 2023 และมีส่วนส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจโลกราวหนึ่งในสาม โดยจีนยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง

ณ การประชุมกับคณะผู้นำรัฐบาลและธุรกิจของต่างชาติในปีนี้ สารจากสีจิ้นผิงยังคงเน้นย้ำว่าจีนมุ่งมั่นดำเนินการปฏิรูปยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำพาโอกาสมาสู่โลก

ขณะเยือนฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤษภาคม สี จิ้นผิง บอกกับกลุ่มธุรกิจ ว่า การปฏิรูปของจีน จะเพิ่มโอกาสทางการตลาดแก่ทุกประเทศ และขณะเยือนโรงงานเหล็กในเซอร์เบีย ที่ซึ่งสีจิ้นผิงช่วยฟื้นฟูด้วยการลงทุนจากจีนเมื่อราวแปดปีก่อน ได้รักษาตำแหน่งงานของคนงานท้องถิ่น กว่า 5,000 คน

โรงงานเหล็กแห่งดังกล่าวเป็นโครงการสำคัญภายใต้แผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) อันโดดเด่นของสีจิ้นผิง โดยสีจิ้นผิงนำเสนอแผนริเริ่มนี้ด้วยแรงบันดาลใจจากเส้นทางสายไหมโบราณในปี 2013 เพื่อปฏิรูปความร่วมมือด้านการพัฒนาทั่วโลก และออกแบบแผนริเริ่มนี้ให้เป็นเครือข่ายอันทันสมัยที่เชื่อมโยงนานาประเทศผ่านการค้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน

ช่วงเวลาหนึ่งทศวรรษ นานาประเทศราวสามในสี่ของโลกได้เข้าร่วมแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งช่วยสร้างตำแหน่งงาน 4.2 แสนอัตรา และช่วยเหลือประชาชนในประเทศเหล่านั้นหลุดพ้นจากความยากจนหลายสิบล้านคน

อนึ่ง ความคาดหวังต่อการประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 เพิ่มพูนขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน โดยประชาชนจำนวนมากในจีนและทั่วโลกต่างเฝ้ารอดูการเปิดตัวมาตรการปฏิรูปครั้งใหญ่และประเมินผลลัพธ์ของมาตรการเหล่านั้น

ก่อนการประชุมครั้งปัจจุบัน สีจิ้นผิงเผยคำมั่นสัญญาของ “การปฏิรูปชี้นำเชิงยุทธศาสตร์ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่” เพื่อบรรลุความก้าวหน้าใหม่ในมิติและภาคส่วนที่สำคัญ

เศรษฐกิจและตลาดขนาดใหญ่มหึมาของจีน กอปรกับภาวะผู้นำแบบองค์รวมของพรรคฯ ที่มีสีจิ้นผิงเป็นแกนกลาง ก่อให้เกิดมุมมองเชิงบวก โดยพรรคฯ กล้าหาญจะปฏิรูปตนเองและสามารถเปลี่ยนพิมพ์เขียวเป็นการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ขณะประชาชนในต่างประเทศบางส่วนตั้งแง่สงสัยหรือหวาดกลัวเกี่ยวกับการปฏิรูป การพัฒนา และนัยยะของจีน สีจิ้นผิงมักกล่าวว่าจีนไม่ได้มีเจตนาเปลี่ยนแปลงหรือท้าทายระเบียบโลกที่มีอยู่ แต่จีนเพียงกำลังมีส่วนร่วมในธรรมาภิบาลโลกอย่างแข็งขันเพิ่มขึ้น ผลักดันระเบียบโลกที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกันยิ่งขึ้น

โจเซ ริคาร์โด ดอส ซานโตส ลูซ จูเนียร์ ซีอีโอของบริษัทในนครเซาเปาลู ซึ่งเชื่อมโยงผู้ประกอบการของจีนกับบราซิล กล่าวว่าการสร้างความทันสมัยของจีนเพิ่มตัวเลือกใหม่และมีนัยยะสำคัญมากต่อกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

ช่วงแรกของยุคการปฏิรูปโดยเติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำจีนที่ล่วงลับกล่าวว่าเป้าหมายในการปฏิรูปและเปิดกว้างของจีนคือ “การตามทันยุคสมัย”

เมื่อพิจารณาความก้าวหน้าตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา สีจิ้นผิงกล่าวว่าการปฏิรูปและเปิดกว้างของจีนมิเพียงเดินหน้าการพัฒนาของตัวเอง แต่ยังมีส่วนส่งเสริมสันติภาพและความก้าวหน้าของโลกอย่างมีนัยสำคัญ

สี จิ้นผิง ได้สานต่อความมุ่งมาดปรารถนาและความรับผิดชอบของเติ้งเสี่ยวผิง โดยการสร้างความทันสมัยของจีนที่สีจิ้นผิงกำลังเป็นผู้นำนั้นมิเพียงสร้างปาฏิหาริย์และโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นความเจริญรุ่งเรืองรูปแบบใหม่ของมนุษย์ด้วย

“การสร้างความทันสมัยของจีนนั้นทั้งท้าทายและยิ่งใหญ่มากที่สุด” สีจิ้นผิงกล่าว “นี่เป็นวิถีทางที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่เราจะเดินหน้าบุกเบิกการปฏิรูปและก้าวไปข้างหน้าด้วยความกล้าหาญ”

ภาพประกอบ

1) (แฟ้มภาพซินหัว : สี จิ้นผิง รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนายานยนต์พลังงานใหม่ระหว่างตรวจเยี่ยมเอสเอไอซี มอเตอร์ ผู้ผลิตยานยนต์ชั้นนำของจีน ในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน วันที่ 24 พ.ค. 2014)

2) (แฟ้มภาพซินหัว : สี จิ้นผิง พบปะกับคณะผู้แทนจากชุมชนธุรกิจ ยุทธศาสตร์ และวิชาการของสหรัฐฯ ณ อาคารมหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่งของจีน วันที่ 27 มี.ค. 2024)

3) (แฟ้มภาพซินหัว : สี จิ้นผิง เยือนฟาร์มป่าไม้ซ่ายห่านป้าในมณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของจีน วันที่ 23 ส.ค. 2021)

4) (แฟ้มภาพซินหัว : สี จิ้นผิง พูดคุยกับคณะผู้แทนจากกลุ่มธุรกิจและวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมในเมืองจี่หนาน มณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน วันที่ 23 พ.ค. 2024)

5) (แฟ้มภาพซินหัว : สีจิ้นผิงพูดคุยกับพนักงานที่ศูนย์การค้าปลอดภาษีระหว่างประเทศในเมืองซานย่า มณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของจีน วันที่ 11 เม.ย. 2022)

6) (แฟ้มภาพซินหัว : สี จิ้นผิง เยี่ยมครอบครัวของถังหรงปินที่หมู่บ้านลั่วถัววาน ตำบลหลงเฉวียนกวน อำเภอฟู่ผิง มณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของจีน วันที่ 30 ธ.ค. 2012)

7) (แฟ้มภาพซินหัว : สี จิ้นผิง ชมเมืองจากสวนสาธารณะเหลียนฮวาซานในนครเซินเจิ้น มณฑลกว่างตง ทางตอนใต้ของจีน วันที่ 14 ต.ค. 2020)

8) (แฟ้มภาพซินหัว : สี จิ้นผิง วางพวงดอกไม้ที่ด้านหน้ารูปปั้นสัมฤทธิ์ของเติ้งเสี่ยวผิง ในสวนสาธารณะเหลียนฮวาซาน นครเซินเจิ้น มณฑลกว่างตงทางตอนใต้ของจีน วันที่ 8 ธ.ค. 2012)

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : อังคาร 16 กรกฎาคม 2567  12:07:59 เข้าชม : 1893572 ครั้ง

ใบแทรก ตรวจ ล็อตเตอร์รี่ งวด 16 กรกฎาคม 2567

#ตรวจหวยงวดนี้ #ผลหวย #ตรวจล็อตเตอร์รี่

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์
Comments are closed.

Check Also

อบจ.ภูเก็ต ร่วมให้ข้อมูล เพื่อการประเมินศักยภาพของ จ.ภูเก็ต ในการพัฒนา และส่งเสริมการท่องเที่ยว โดย องค์กรการท่องเที่ยวยั่งยืนโลก

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา นายอานุภาพ เวชว … …