ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมปีนี้ จีน ได้เริ่มดำเนินนโยบาย ทดลองยกเว้นการตรวจลงตรา หรือฟรี วีซ่า สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาจาก 6 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ ฮังการี ออสเตรีย เบลเยียม และลักเซมเบิร์ก กล่าวคือ ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2024 ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา ทั้ง 6 ประเทศ ดังกล่าว ที่เดินทางมาประเทศจีนเพื่อทำธุรกิจ ท่องเที่ยว เยี่ยมญาติมิตร รวมถึงแวะผ่านแดนโดยอยู่ในจีน ไม่เกิน 15 วัน สามารถเข้าประเทศจีนได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า นี่เป็นการขยาย “วงเพื่อน” ฟรีวีซ่าอีกครั้งของจีน ต่อจากข้อตกลงยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกัน ระหว่างจีน-ไทยที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา
นักสังเกตการณ์ชี้ให้เห็นว่า ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น ลัทธิกีดกันทางการค้า การที่จีนดำเนินนโยบายเชิงรุกในการยกเว้นวีซ่าสำหรับ 6 ประเทศ ดังกล่าว นั้นถือเป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมของการเปิดกว้างระดับสูงของจีนและเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกไปยังทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงท่าทีและความจริงใจของจีนในการส่งเสริมการเปิดกว้างและความร่วมมืออีกระดับ
นับถึงต้นเดือนมีนาคม จีนได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกันที่ครอบคลุมหนังสือเดินทางประเภทต่างๆ กับ 157 ประเทศ และได้บรรลุข้อตกลงหรือมาตรการเกี่ยวกับการลดขั้นตอนการขอวีซ่ากับ 44 ประเทศ เมื่อนับรวมสิงคโปร์ แอนติกาและบาร์บูดา และไทย ซึ่งเป็นสามประเทศที่ได้ลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่ากับจีนในปีนี้ มี 23 ประเทศ ได้บรรลุข้อตกลงยกเว้นวีซ่าซึ่งกันและกันอย่างครอบคลุมกับจีนแล้ว นอกจากนี้ ยังมีกว่า 60 ประเทศและภูมิภาคได้มอบสิทธิการยกเว้นวีซ่าหรือสิทธิการขอวีซ่าเมื่อเดินทางเข้าแดนให้กับพลเมืองจีน
จีน ยังออกมาตรการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้วีซ่าเข้าประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการลดเนื้อหาแบบฟอร์มการขอวีซ่า ลดค่าธรรมเนียมวีซ่า ลดขั้นตอนการอนุมัติวีซ่าเพื่อการศึกษาต่อในประเทศจีน ยกเว้นการเก็บลายนิ้วมือสำหรับผู้ขอวีซ่าจำนวนหนึ่ง และยกเว้นการนัดหมายเพื่อขอวีซ่า ฯลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้นแก่ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศจีน
การปรับนโยบายดังกล่าวทำให้จำนวนผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศจีนมีถึง 3.23 ล้านคน โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศส เยอรมนี มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ที่สามารถเข้าประเทศจีนได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าได้เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด โดยยอดใบสั่งซื้อจากประเทศเหล่านี้เพื่อเดินทางมาเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019
จีน ไม่เพียงแต่ปรับนโยบายอำนวยเพื่อความสะดวกในการไปมาหาสู่กันหว่างชาวจีนกับชาวต่างประเทศอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ยังยกระดับความสะดวกสบายของชาวต่างชาติในการอาศัยอยู่ในจีนเป็นการเฉพาะอีกด้วย ตัวอย่างเช่น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ชาวต่างชาติในจีนเผชิญเกี่ยวกับการชำระเงินผ่านมือถือ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารประชาชนจีนได้แนะนำให้อาลีเพย์(Alipay)และเทนเพย์(Tenpay)ยกระดับกระบวนการทางธุรกิจ และปรับปรุงประสิทธิภาพของการผูกบัตรธนาคารในต่างประเทศ ลดความซับซ้อนในการยืนยันตัวตนขณะที่ต้องรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคล อย่างจริงจัง ได้แนะนำองค์กรที่ให้บริการชำระเงินรายใหญ่ให้เพิ่มวงเงินสำหรับการทำธุรกรรมชำระเงินผ่านมือถือ สำหรับชาวต่างชาติในจีนจากครั้งละไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มวงเงินการทำธุรกรรมสะสมต่อปีจาก 10,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นักสังเกตการณ์ เห็นว่า ในการประชุมระดับชาติ “สองสภา” ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไม่นาน จีนได้ออกชุดมาตรการที่มีผลในทางปฏิบัติสู่ทั่วโลกเพื่อส่งเสริมการเปิดกว้างในระดับสูงและเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเพิ่มความพยายามในการดึงการลงทุนจากต่างประเทศ ผลักดันการดำเนินปฏิบัติการ 8 ประการ เพื่อสนับสนุนการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างมีคุณภาพสูง และดำเนินแพลตฟอร์มความร่วมมือระหว่างประเทศให้ดี เช่น งานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติแห่งประเทศจีน งานมหกรรมการค้าภาคบริการนานาชาติแห่งประเทศจีน งานมหกรรมแสดงสินค้าอุปโภคบริโภคนานาชาติแห่งประเทศจีนและงานมหกรรมส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติแห่งประเทศจีน ฯลฯ
ท่ามกลางสถานการณ์ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกขาดแรงขับเคลื่อนตลอดจนความไม่มั่นคง และความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น การที่จีนส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการเปิดกว้างและความร่วมมือนั้นย่อมจะอัดฉีดแรงผลักดันมากยิ่งขึ้นและเพิ่มความแน่นอนอันทรงคุณค่าให้กับการพัฒนาร่วมกันของทั่วโลก “เค้ก” แห่งความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็ย่อมจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
เขียนโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ พุธ 27 มีนาคม 2567 19:41:59 เข้าชม 1897225 ครั้ง