
เซี่ยงไฮ้, 17 ก.พ. (ซินหัว) — แม้จะเผชิญกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจต่างชาติยังคงเดินหน้าลงทุนในจีนมากขึ้นในปี 2025 สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ของจีนต่อบรรดาธุกิจที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
ไม่นานนี้ โรงงานเมกะแฟกทอรีของเทสลา (Tesla) ในเซี่ยงไฮ้ เริ่มผลิตแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน ขณะที่ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โตโยต้า (Toyota) ได้ประกาศแผนตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เซี่ยงไฮ้ในศูนย์เศรษฐกิจจีนตะวันออก ส่วนในเดือนมกราคม ซีเมนส์ เฮลธ์ธิเนียร์ส (Siemens Healthineers) ได้เริ่มก่อสร้างศูนย์การผลิตและวิจัยแห่งใหม่ที่เซินเจิ้นทางตอนใต้ของจีน
การลงทุนของผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลกเหล่านี้นั้น มีเหตุผลเบื้องต้นคือจีนยังคงเป็นตลาดสำคัญที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง
ด้วยชนชั้นกลางที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น จีนในฐานะมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกทำให้ตลาดขนาดใหญ่นี้ยากที่จะมองข้าม โดยในปี 2024 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนสูงเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ 134.91 ล้านล้านหยวน (ราว 627.11 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปีก่อนหน้า และในฐานะเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จีนจึงมีโอกาสทางธุรกิจที่หาที่ไหนไม่ได้ง่ายๆ
ห่วงโซ่อุปทานของจีนมีความซับซ้อนและครบวงจรมากขึ้นเรื่อยๆ โดยระบบนิเวศการผลิตที่มีการแข่งขันสูงและเทคโนโลยีขั้นสูงยังคงดึงดูดการลงทุนที่มีมูลค่าสูงและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงได้
นอกจากนี้ จีน ยังมีบุคลากรที่มีความสามารถจำนวนมาก โดยเฉพาะวิศวกร ซึ่งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรษัทข้ามชาติในการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกในจีน การเปลี่ยนแปลงของจีนสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมมีความชัดเจนอย่างมากในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โดยในขณะที่จีนกำลังสร้างระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่นั้น จีนได้เร่งพัฒนาพลังการผลิตคุณภาพสูง ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ๆ ให้กับบริษัทระดับโลก
จีน ยังคงยึดมั่นการเปิดกว้างและส่งเสริมความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน ขณะที่ตลาดของจีนนั้นสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น โดยมีมาตรการหลายประการเพื่อสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น การลดรายการข้อจำกัดด้านการลงทุน การยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดสำหรับนักลงทุนต่างชาติในภาคการผลิต และการเปิดเสรีเพิ่มเติมให้กับประเทศที่มีข้อจำกัดในการพัฒนา ผลจากความพยายามเหล่านี้ สะท้อนผ่านการเพิ่มขึ้นของจำนวนบริษัทต่างชาติที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในจีนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 9.9
ยิ่งไปกว่านั้น ทางการจีนให้ความสำคัญในการขยายความเปิดกว้างทางเศรษฐกิจมาตรฐานสูงในปี 2025 โดยเมื่อวันจันทร์ (10 ก.พ.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจีนได้อนุมัติแผนปฏิบัติการเพื่อรักษาเสถียรภาพการลงทุนจากต่างประเทศในปีนี้ ซึ่งมีการเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่ได้ผลและเป็นรูปธรรมมากขึ้นในการดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นมิตร
แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากการที่ชาติตะวันตกทำให้ประเด็นเศรษฐกิจและการค้าเกี่ยวโยงกับการเมือง รวมถึงการลงทุนทั่วโลกที่ชะลอตัว แต่ความเปิดกว้างในระดับสูง ความมีชีวิตชีวาทางเศรษฐกิจ และฐานผู้บริโภคที่เติบโตขึ้นของจีน ยังคงทำให้จีนเป็นจุดหมายการลงทุนชั้นนำ
ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของเคียร์นีย์ (Kearney FDI Confidence Index) ประจำปี 2024 ซึ่งวัดความคาดหวังของนักลงทุนในช่วงสามปีข้างหน้า ระบุ ว่า จีน ไต่จากอันดับที่ 7 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
บรรดาผู้บริหารบริษัทข้ามชาติกล่าวไว้ว่า “จีนในอนาคตก็คือจีนในวันนี้” โดยแม้จะอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และความผันผวน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงชัดเจนคือ การลงทุนในจีนเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างอนาคตที่มั่นคง
ที่มา : https://www.xinhuathai.com/silkroad/497361_20250217 , https://english.news.cn/20250212/d5998d96dbfc43469a459ee1a0aa7f34/c.html
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : จันทร์ 17 กุมภาพันธ์ 2568 14:53:59 เข้าชม : 1879411 ครั้ง